วันพุธที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2557

ติดต่อได้แล้ว

เมื่อสักครู่โทร.หาลูกสาว   เราคุยกันประมาณ 17 นาที  นับเป็นการคุยกันที่นานมากตั้งแต่มีโอกาสได้คุยกัน เป็นการคุยกันในบรรยากาศที่ไม่ประหม่า   สำหรับฉันฉันดีใจมาก ๆ  เริ่มสบายใจขึ้นแล้วล่ะ   ปกติแล้วเราไม่ได้คุยกันตามประสาแม่ลูกเท่าไหร่  ฉันเลยถือโอกาสนี้ได้บอกกับเธอว่าฉันรักเธอ  ฉันคิดถึงเธอมาก  มากที่สุด  เป็นห่วงมากที่สุด  

ส่วนมากฉันเป็นฝ่ายพูดมากกว่า   ลูกสาวของฉันเธอบอกว่า เพิ่งทำฟันเสร็จ   ฉันก็ถามว่า ทำอะไรหรอ  ลูกก็บอกว่า อุดฟัน  ฉันก็ถามว่าฟันซี่ไหน  ลูกบอกว่า ฟันกราม   ฉันได้ยินดังนั้นก็ได้เตือนเธอว่าให้รักษาฟันให้ดี ๆ เพราะยังเด็กอยู่  ความจริงเธออายุ 17 ปีแล้ว  แต่ก็ไม่ควรที่จะมีฟันผุ   แล้วฉันก็ได้เตือนเธอให้รักษาความสะอาดให้ดี ๆ

อีกเรื่องหนึ่งที่ฉันกังวลคือ  เด็ก ๆ มักชอบทำสีผมในช่วงปิดเทอม  ลูกสาวของฉันนับว่าเป็นเด็กที่แฟชั่นตัวแม่   เดี๋ยวผมดำ เดี๋ยวผมแดง  เห็นแล้วก็เป็นห่วง  ฉันก็เตือนเธอว่า ระวังน๊ะ การเปลี่ยนสีผมบ่อย ๆ จะทำให้เป็นมะเร็งได้  มันอันตราย  เธอก็ตอบมาว่าค่ะ ค่ะ ค่ะ  ซึ่งก็เป็นคำตอบที่ฉันคิดว่า เธอต้องไปศึกษาเพิ่มเติม

ส่วนอีกเรื่องหนึ่งที่คุยกัน ก็คือ การมีแฟน ฉันเองก็อยากรู้ว่าลูกมีแฟนหรือเปล่า ก็ถามไปตรง ๆ ลูกก็ตอบว่า ไม่มี  แต่ก็ได้เตือนไปว่า มีได้ แต่ให้แม่ได้รู้ว่าเป็นใคร  แม่เป็นห่วง

ทั้งหมดนี้มันก็เป็นความห่วงใย  ในฐานะแม่คนหนึ่งที่มีลูกสาวที่กำลังโตเป็นวัยรุ่น   ฉันกับลูกไม่ได้อยู่ด้วยกัน  ลูกอยู่กับครอบครัวทางฝ่ายพ่อของเค้า  อยู่กับครอบครัวใหญ่  ครอบครัวที่ฐานะดีกว่า   พวกเค้าเลี้ยงดูลูกอย่างดี เหมือนเป็นนางฟ้า  เป็นคุณหนู  ลูกอยู่สุขสบายมาก  มีเสื้อผ้าสวย ๆ มีรถขับ มีทุกอย่างที่เกินที่เด็กธรรมดา ๆ คนหนึ่งจะมีได้  นับว่าเป็นโอกาสดี วาสนาดีของลูก

ซึ่งถ้าหากว่า ฉันเลี้ยงพวกเค้า ฉันคงไม่มีปัญญาหาของแพง ๆ ให้ลูกเป็นแน่  เพราะฉันมันจน ไม่มีหัวนอนปลายเท้า  ไม่มีฐานะ ก็แค่หญิงคนหนึ่งที่บ้านแตก แล้วพลาดในช่วงชีวิตหนึ่ง จนทำให้มีพวกเค้า และที่เลวร้ายคือ  หากพ่อของเด็กไม่ใช้ความรุนแรงกับฉัน  ฉันคงไม่ต้องหนีมาตายเอาดาบหน้า และทิ้งลูก ๆ ให้กับทางปู่กับย่าของพวกเค้าเลี้ยงดูหรอก

ความรู้สึกผิด มันติดตัวฉันอยู่ทุกนาที  ทุกครั้งที่ฉันอยากคุยกับลูก ฉันมีแต่ความขลาด ไม่กล้าติดต่อไปหา กลัวว่าพวกเค้าจะไม่อยากคุยกับฉัน  กลัวว่าการที่จะพูดอะไร มันจะเป็นการรุกล้ำพวกเค้า  ฉันได้แต่นอยด์ไปวัน ๆ   เพ้อเจ้อ จิตตกไปวัน ๆ  ได้แต่กล่าวโทษตัวเอง ว่าเป็นแม่ที่ไม่เอาไหน เป็นแม่ที่แย่มาก ๆ

ฉันไม่กล้าเสนอหน้าไปหาพวกเค้าหรอก  ความด้อยฐานะ ทำให้ฉันไม่กล้าสู้หน้ากับทางญาติ ๆ ของครอบครัวพ่อของเด็ก  ฉันเกลียดสายตาดูแคลนพวกนั้น  ฉันเกลียดคำพูดเหน็บแนม  ฉันถูกด่าว่าต่าง ๆ นา ๆ จากญาติผู้ใหญ่ที่นั่น  พวกเค้าไม่ชอบและเกลียดที่ฉันทิ้งเด็ก ๆ มา   แต่มันก็สมควรแล้วที่พวกเค้าจะด่าว่า   แต่ถ้าหากฉันหอบหิ้วเอาพวกเค้ามาเลี้ยงดู  ฉันคงจะเลี้ยงดูในแบบชาวบ้าน ๆ ตามมีตามเกิด
เพราะฉันเองก็บ้านแตก พ่อแม่แยกทางกัน เร่ร่อนไปอยู่กับญาติคนโน้นคนนี้ตั้งแต่เด็ก  ไม่ประสบความสำเร็จในการดำเนินชีวิตของตัวเอง   ทุกวันนี้พยายามดำรงตัวให้เป็นคนดี คิดดี  ทำดี  แม้ว่าจะไม่รวยเงินทอง อย่างที่ญาติบางคนของพวกเค้า  อยากให้ฉันเป็น  

ความต่างกันในฐานะ  ทำให้ฉันกลายเป็นคนด้อย   ด้อยฐานะ  ไม่มีแม้เงินที่จะให้ลูก  เพราะลูกมีเงินมากกว่าฉันเสียอีก  พวกเค้ามีมือถือไอโฟน มีไอแพด มีเสื้อผ้าแพง ๆ ใส่ มีสารพัดอย่างที่ฉันเองไม่มีปัญญาจะซื้อด้วยซ้ำไป

แต่ก็นับว่าเป็นความโชคดีของพวกเค้า  ส่วนฉันเองได้แต่บอกตัวเองว่า ไม่รู้ว่าจะต้องใช้กรรมนี้ไปกี่ชาติ  ไม่รู้ว่าจะต้องใช้หนี้ให้กับพวกญาติ ๆ ย่า ๆ ของเด็ก ๆ ไปกี่ชาติ  เพราะพวกเค้าใช้เงิน ใช้ของแพง ๆ กันทั้งนั้น  ย่า ๆ พวกเค้าปรนเปรอด้วยข้าวของราคาแพง ๆ  ยิ่งโตก็ยิ่งมีข้าวของมากขึ้น ๆ  ของบางอย่างฉันเองยังไม่มีปัญญาจะซื้อหามาได้  แต่พวกเด็ก ๆ มีใช้กัน  ยิ่งทำให้ฉันได้แต่ตอกย้ำตัวเองว่า   ตายกี่ชาติ ถึงจะได้ใช้หนี้เงินให้พวกย่า ๆ พวกเค้าหมด

แต่วันนี้นับว่าเป็นความโชคดี  ที่ฉันสลัดความกลัว ความขลาดออกไป  และกดมือถือโทร.หาลูกสาวคนเล็ก  เพราะว่าไม่กี่วันนี้ เธอจะเดินทางไปเมืองนอก   ไปอังกฤษ กับสถาบันที่พวกเค้าเรียน   เป็นการไปต่างประเทศครั้งที่สองของเธอ    ฉันเป็นห่วง เพราะปัจจุบันมีข่าวเรื่องสายการบินหายไปอย่างลึกลับ ฉันก็ยิ่งเป็นห่วง   ครั้งก่อนตอนที่รู้ว่า เธอจะเดินทางไปประเทศอังกฤษ  ช่วงนั้นประเทศอังกฤษน้ำท่วมหนัก ฉันก็เป็นห่วง  แต่ตอนนี้คงไม่มีสถานการณ์นั้นแล้ว  แต่กลับมามีข่าวสายการบินของประเทศมาเลเซียหายไปอย่างลึกลับอีก  ฉันยิ่งเป็นห่วงเข้าไปใหญ่

ทำยังไงได้  ความก้าวหน้า  อนาคตของเด็ก ๆ ฉันไม่ได้เป็นผู้กำหนด  ฉันแค่กำหนดให้พวกเค้าได้มีชีวิตอยู่กับครอบครัวของพ่อเค้า  ฉันทำได้เพียงเท่านั้น   แต่อนาคตนับจากนี้ไปของพวกเค้า พวกเค้าได้รับโอกาสจากย่าของเค้าคนหนึ่ง  เธอทุ่มเทให้ลูกของฉันชนิดที่เรียกว่า หมดใจ หมดตัวเลยทีเดียว  เพราะเธอไม่มีลูก ไม่ได้แต่งงาน  เธอจึงทุ่มเทให้กับลูกสาวของฉันมาก ๆ   ยิ่งทำให้ฉันรู้สึกผิดต่อเธอเข้าไปใหญ่    ยิ่งทำให้ฉันไม่กล้าสู้หน้ากับเธอ  เพราะความรู้สึกผิดอย่างมหาศาล   ที่ทิ้งลูกให้เป็นภาระของเธอ

อย่างไรก็ดี  พระคุณครั้งนี้คงหาใดเทียบเทียมได้   แต่ความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ ก็ยังคงเกาะกินจิตใจของฉันอยู่  ไม่เคยน้อยลงเลยแม้แต่น้อย  นี่คือสิ่งที่ทำให้ฉันไม่กล้าสู้หน้า กับย่าของเด็ก ๆ จนถึงทุกวันนี้

แม่ขอให้ลูกมีความสุข........นี่คือสิ่งที่ฉันภาวนาทุกวัน  

รักลูก...