เมื่อสักครู่โทร.หาลูกสาว เราคุยกันประมาณ 17 นาที นับเป็นการคุยกันที่นานมากตั้งแต่มีโอกาสได้คุยกัน เป็นการคุยกันในบรรยากาศที่ไม่ประหม่า สำหรับฉันฉันดีใจมาก ๆ เริ่มสบายใจขึ้นแล้วล่ะ ปกติแล้วเราไม่ได้คุยกันตามประสาแม่ลูกเท่าไหร่ ฉันเลยถือโอกาสนี้ได้บอกกับเธอว่าฉันรักเธอ ฉันคิดถึงเธอมาก มากที่สุด เป็นห่วงมากที่สุด
ส่วนมากฉันเป็นฝ่ายพูดมากกว่า ลูกสาวของฉันเธอบอกว่า เพิ่งทำฟันเสร็จ ฉันก็ถามว่า ทำอะไรหรอ ลูกก็บอกว่า อุดฟัน ฉันก็ถามว่าฟันซี่ไหน ลูกบอกว่า ฟันกราม ฉันได้ยินดังนั้นก็ได้เตือนเธอว่าให้รักษาฟันให้ดี ๆ เพราะยังเด็กอยู่ ความจริงเธออายุ 17 ปีแล้ว แต่ก็ไม่ควรที่จะมีฟันผุ แล้วฉันก็ได้เตือนเธอให้รักษาความสะอาดให้ดี ๆ
อีกเรื่องหนึ่งที่ฉันกังวลคือ เด็ก ๆ มักชอบทำสีผมในช่วงปิดเทอม ลูกสาวของฉันนับว่าเป็นเด็กที่แฟชั่นตัวแม่ เดี๋ยวผมดำ เดี๋ยวผมแดง เห็นแล้วก็เป็นห่วง ฉันก็เตือนเธอว่า ระวังน๊ะ การเปลี่ยนสีผมบ่อย ๆ จะทำให้เป็นมะเร็งได้ มันอันตราย เธอก็ตอบมาว่าค่ะ ค่ะ ค่ะ ซึ่งก็เป็นคำตอบที่ฉันคิดว่า เธอต้องไปศึกษาเพิ่มเติม
ส่วนอีกเรื่องหนึ่งที่คุยกัน ก็คือ การมีแฟน ฉันเองก็อยากรู้ว่าลูกมีแฟนหรือเปล่า ก็ถามไปตรง ๆ ลูกก็ตอบว่า ไม่มี แต่ก็ได้เตือนไปว่า มีได้ แต่ให้แม่ได้รู้ว่าเป็นใคร แม่เป็นห่วง
ทั้งหมดนี้มันก็เป็นความห่วงใย ในฐานะแม่คนหนึ่งที่มีลูกสาวที่กำลังโตเป็นวัยรุ่น ฉันกับลูกไม่ได้อยู่ด้วยกัน ลูกอยู่กับครอบครัวทางฝ่ายพ่อของเค้า อยู่กับครอบครัวใหญ่ ครอบครัวที่ฐานะดีกว่า พวกเค้าเลี้ยงดูลูกอย่างดี เหมือนเป็นนางฟ้า เป็นคุณหนู ลูกอยู่สุขสบายมาก มีเสื้อผ้าสวย ๆ มีรถขับ มีทุกอย่างที่เกินที่เด็กธรรมดา ๆ คนหนึ่งจะมีได้ นับว่าเป็นโอกาสดี วาสนาดีของลูก
ซึ่งถ้าหากว่า ฉันเลี้ยงพวกเค้า ฉันคงไม่มีปัญญาหาของแพง ๆ ให้ลูกเป็นแน่ เพราะฉันมันจน ไม่มีหัวนอนปลายเท้า ไม่มีฐานะ ก็แค่หญิงคนหนึ่งที่บ้านแตก แล้วพลาดในช่วงชีวิตหนึ่ง จนทำให้มีพวกเค้า และที่เลวร้ายคือ หากพ่อของเด็กไม่ใช้ความรุนแรงกับฉัน ฉันคงไม่ต้องหนีมาตายเอาดาบหน้า และทิ้งลูก ๆ ให้กับทางปู่กับย่าของพวกเค้าเลี้ยงดูหรอก
ความรู้สึกผิด มันติดตัวฉันอยู่ทุกนาที ทุกครั้งที่ฉันอยากคุยกับลูก ฉันมีแต่ความขลาด ไม่กล้าติดต่อไปหา กลัวว่าพวกเค้าจะไม่อยากคุยกับฉัน กลัวว่าการที่จะพูดอะไร มันจะเป็นการรุกล้ำพวกเค้า ฉันได้แต่นอยด์ไปวัน ๆ เพ้อเจ้อ จิตตกไปวัน ๆ ได้แต่กล่าวโทษตัวเอง ว่าเป็นแม่ที่ไม่เอาไหน เป็นแม่ที่แย่มาก ๆ
ฉันไม่กล้าเสนอหน้าไปหาพวกเค้าหรอก ความด้อยฐานะ ทำให้ฉันไม่กล้าสู้หน้ากับทางญาติ ๆ ของครอบครัวพ่อของเด็ก ฉันเกลียดสายตาดูแคลนพวกนั้น ฉันเกลียดคำพูดเหน็บแนม ฉันถูกด่าว่าต่าง ๆ นา ๆ จากญาติผู้ใหญ่ที่นั่น พวกเค้าไม่ชอบและเกลียดที่ฉันทิ้งเด็ก ๆ มา แต่มันก็สมควรแล้วที่พวกเค้าจะด่าว่า แต่ถ้าหากฉันหอบหิ้วเอาพวกเค้ามาเลี้ยงดู ฉันคงจะเลี้ยงดูในแบบชาวบ้าน ๆ ตามมีตามเกิด
เพราะฉันเองก็บ้านแตก พ่อแม่แยกทางกัน เร่ร่อนไปอยู่กับญาติคนโน้นคนนี้ตั้งแต่เด็ก ไม่ประสบความสำเร็จในการดำเนินชีวิตของตัวเอง ทุกวันนี้พยายามดำรงตัวให้เป็นคนดี คิดดี ทำดี แม้ว่าจะไม่รวยเงินทอง อย่างที่ญาติบางคนของพวกเค้า อยากให้ฉันเป็น
ความต่างกันในฐานะ ทำให้ฉันกลายเป็นคนด้อย ด้อยฐานะ ไม่มีแม้เงินที่จะให้ลูก เพราะลูกมีเงินมากกว่าฉันเสียอีก พวกเค้ามีมือถือไอโฟน มีไอแพด มีเสื้อผ้าแพง ๆ ใส่ มีสารพัดอย่างที่ฉันเองไม่มีปัญญาจะซื้อด้วยซ้ำไป
แต่ก็นับว่าเป็นความโชคดีของพวกเค้า ส่วนฉันเองได้แต่บอกตัวเองว่า ไม่รู้ว่าจะต้องใช้กรรมนี้ไปกี่ชาติ ไม่รู้ว่าจะต้องใช้หนี้ให้กับพวกญาติ ๆ ย่า ๆ ของเด็ก ๆ ไปกี่ชาติ เพราะพวกเค้าใช้เงิน ใช้ของแพง ๆ กันทั้งนั้น ย่า ๆ พวกเค้าปรนเปรอด้วยข้าวของราคาแพง ๆ ยิ่งโตก็ยิ่งมีข้าวของมากขึ้น ๆ ของบางอย่างฉันเองยังไม่มีปัญญาจะซื้อหามาได้ แต่พวกเด็ก ๆ มีใช้กัน ยิ่งทำให้ฉันได้แต่ตอกย้ำตัวเองว่า ตายกี่ชาติ ถึงจะได้ใช้หนี้เงินให้พวกย่า ๆ พวกเค้าหมด
แต่วันนี้นับว่าเป็นความโชคดี ที่ฉันสลัดความกลัว ความขลาดออกไป และกดมือถือโทร.หาลูกสาวคนเล็ก เพราะว่าไม่กี่วันนี้ เธอจะเดินทางไปเมืองนอก ไปอังกฤษ กับสถาบันที่พวกเค้าเรียน เป็นการไปต่างประเทศครั้งที่สองของเธอ ฉันเป็นห่วง เพราะปัจจุบันมีข่าวเรื่องสายการบินหายไปอย่างลึกลับ ฉันก็ยิ่งเป็นห่วง ครั้งก่อนตอนที่รู้ว่า เธอจะเดินทางไปประเทศอังกฤษ ช่วงนั้นประเทศอังกฤษน้ำท่วมหนัก ฉันก็เป็นห่วง แต่ตอนนี้คงไม่มีสถานการณ์นั้นแล้ว แต่กลับมามีข่าวสายการบินของประเทศมาเลเซียหายไปอย่างลึกลับอีก ฉันยิ่งเป็นห่วงเข้าไปใหญ่
ทำยังไงได้ ความก้าวหน้า อนาคตของเด็ก ๆ ฉันไม่ได้เป็นผู้กำหนด ฉันแค่กำหนดให้พวกเค้าได้มีชีวิตอยู่กับครอบครัวของพ่อเค้า ฉันทำได้เพียงเท่านั้น แต่อนาคตนับจากนี้ไปของพวกเค้า พวกเค้าได้รับโอกาสจากย่าของเค้าคนหนึ่ง เธอทุ่มเทให้ลูกของฉันชนิดที่เรียกว่า หมดใจ หมดตัวเลยทีเดียว เพราะเธอไม่มีลูก ไม่ได้แต่งงาน เธอจึงทุ่มเทให้กับลูกสาวของฉันมาก ๆ ยิ่งทำให้ฉันรู้สึกผิดต่อเธอเข้าไปใหญ่ ยิ่งทำให้ฉันไม่กล้าสู้หน้ากับเธอ เพราะความรู้สึกผิดอย่างมหาศาล ที่ทิ้งลูกให้เป็นภาระของเธอ
อย่างไรก็ดี พระคุณครั้งนี้คงหาใดเทียบเทียมได้ แต่ความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ ก็ยังคงเกาะกินจิตใจของฉันอยู่ ไม่เคยน้อยลงเลยแม้แต่น้อย นี่คือสิ่งที่ทำให้ฉันไม่กล้าสู้หน้า กับย่าของเด็ก ๆ จนถึงทุกวันนี้
แม่ขอให้ลูกมีความสุข........นี่คือสิ่งที่ฉันภาวนาทุกวัน
รักลูก...